บันทึก ตัดเนื้องอกและมดลูก ของนามิ (Laparoscopic Surgery: Myomectomy + Hysteroscopy)
7 หน้า A4 ใครมันจะอ่านวะ 1
เรื่องมันมีอยู่ว่าปีนี้รู้สึกว่าตัวเองอ้วนแปลกๆ มันมีพุงน้อยๆอยู่ตรงท้องด้านล่าง หันไปถามพี่โอว่าท้องปะวะ นางถามว่ากูท้องกับใคร เห้อ!!! บวกกับตอนไปนวด หมอนวดก็ทักว่าเหมือนมีก้อนอยู่ที่ท้องน้อย ไปตรวจหน่อยไหม ตอนตรวจร่างกายประจำปี เลย เพิ่มตรวจภายในไปด้วย หลังจากไม่ได้ตรวจภายในมา 3 ปีได้
ณ รพ. เอกชนแห่งหนึ่ง มีชื่อแต่ไม่ดัง จังหวัดปทุม ไปที่นี่เพราะน้ำซื้อแพคเก็จตรวจสุขภาพไว้ เห็นว่าถูกและได้ตรวจเยอะรายการ ทั้งโอและน้ำก็ไปตรวจกันตามเรื่อง ปรากฎว่าพอตรวจภายในปุ๊ป หมอบอกคล้ำได้ก้อนค่อนข้างใหญ่ จึงสั่งตรวจ Ultrasound เพิ่ม ได้ผลคอนเฟริมว่ามีเนื้องอกบริเวณด้านหน้าขวาของมดลูก ขนาด 10 cm. ได้ หมอแนะนำให้เอาออก เพราะขนาดค่อนข้างใหญ่และอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ปวดท้องตอนมีประจำเดือน และปวดฉี่บ่อยได้ (เรื่องปวดฉี่บ่อยนิ คนอยู่ใกล้ตัวโดยเฉพาะผู้ชายนิลำไยมาก พี่เอ Abbott ตอนไปทำงานด้วยกันที่ต่างจังหวัด นางเคยถึงกับถามว่า “น้ำแกเป็นเบาหวานปะวะ เข้าห้องน้ำบ่อยมาก ครึ่งวันพี่ยังไม่ได้ฉี่เลย แกฉี่ไป 3-4 รอบแล้ว” แต่ผลตรวจเลือด ตรวจอะไรฉันดีหมด แถมเป็นคนแข็งแรงด้วย ทำงานดี กิจกรรมเด่น การกีฬาไม่แพ้ใคร เลยไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก) เลยตัดสินใจจะต้องจัดการเนื้องอกนี้
ทางเลือกในการผ่าตัดมีอะไรบ้าง
- ตัดเลาะเฉพาะเนื้องอกออกไป เก็บมดลูกไว้ ข้อดี
- ยังมีโอกาสมีลูกได้ ข้อเสีย
- มีโอกาสเกิดเนื้องอกที่มดลูกอีกได้ (ถ้าเกิดอีกประกันจะไม่จ่ายให้ละ มีคนรู้จักผ่าไป 3 รอบ)
- เอาออกไปทั้งเนื้องอกและมดลูกไปเลย ข้อดี
- ตัดโอกาสเกิดเนื้องอกที่มดลูกอีก (เอาออกไปแล้วจะเกิดได้ไง)
- ไม่ต้องมีประจำเดือนละ สบายไม่เปลืองผ้าอนามัย (แต่จะไม่มีข้ออ้างว่าปวดท้องเมนส์กับโอ แล้วไปปีนผาไม่ไหวแล้ว ลังเลนะเนี้ย)
- ตัดปัญหาเรื่องไอ้เขียว (ใครวะ เขียว เขียวเป็นชื่อลูกของชู้ในจิตนาการของน้ำกับโอ) ข้อเสีย
- เรื่องลูกไม่มีโอกาสจะมีได้ 100% (Point of no return)
- ต้องกินฮอร์โมนตลอดชีวิต (ซึ่งหมอบอกว่าฮอร์โมนส่วนใหญ่ผลิตที่รังไข่ ไม่ใช่มดลูกจ้า ไม่ต้องกินฮอร์โมนนะจ๊ะ นั้นถือว่าไม่ใช่ข้อเสียจ้า)
- ถ้าไอ้นั่นของผู้ชายใหญ่กว่า 9 cm. จะทำให้เจ็บตอนมีเพศสัมพันธ์หลังจากที่เอามดลูกออกไปแล้ว (อันนี้ไปได้ยินมาจากเพจดังเรื่องเกี่ยวของหมอที่เก่งด้านตัดเนื้องอก น้ำนิถึงกับหยิบไม้บรรทัดเลยจ้า วัดแล้วเกินทำไงดี (นิไม่ได้อวดผัวนะ) ตอนไปหาหมออีกทีถึงกับเอาเรื่องนี้ไปถามหมอ หมอบอกช่องคลอดคนเราขยายตัวได้เยอะไม่ต้องกังวล ไม่มีผล นั้นถือว่าไม่ใช่ข้อเสียจ้า)
วิธีการผ่าตัดมีอะไรให้เลือกบ้าง
- การเปิดหน้าท้องและทำการตัดก้อนเนื้อนั้นออก (Open myomectomy) คล้ายคลึงกับการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องแต่แผลจะเล็กกว่า โดยแพทย์จะนำก้อนเนื้องอกนั้นออกจากมดลูกโดยการแยกกล้ามเนื้อมดลูกแล้วตัดก้อนเนื้องอกออก แพทย์จำเป็นต้องทำการผ่าตัดด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อป้องกันเลือดออกมาก เนื่องจากในกล้ามเนื้อมดลูกนั้นมีเส้นเลือดหล่อเลี้ยงอยู่มากมายและสามารถเกิดการกระทบกระเทือนได้ง่าย แพทย์จะทำการตัดก้อนเนื้อออกทางด้านหน้าของมดลูก (ด้านที่อยู่ติดกับกระเพาะปัสสาวะ) เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนที่อาจเกิดกับท่อนำไข่ ลำไส้ และหลีกเลี่ยงปัญหาการมีบุตรยากที่อาจเกิดตามมา ผู้ป่วยจะมีความเสี่ยงต่อปัญหาดังกล่าวเพิ่มขึ้นหากแพทย์นำก้อนเนื้อออกผ่านทางด้านหลังของมดลูก นอกจากนั้นแพทย์จะทำการผ่าตัดโดยระมัดระวังการก่อตัวของพังผืดให้มากที่สุด
- การผ่าตัดเนื้องอกที่มดลูกโดยส่องกล้องผ่านทางหน้าท้อง (laparoscopic myomectomy) เป็นการผ่าตัดโดยการเจาะผ่านช่องท้องหรือผิวหนังใกล้บริเวณที่ต้องการจะทำการผ่าตัด เพื่อสอดอุปกรณ์ผ่าตัดและกล้องขนาดเล็กเพื่อบันทึกภาพและส่งมายังจอรับภาพ ซึ่งทำหน้าที่แทนตาของศัลยแพทย์รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆ
- การผ่าตัดเนื้องอกที่มดลูกโดยผ่านกล้องส่องในโพรงมดลูก (hysteroscopic myomectomy) เป็นการผ่าตัดส่องกล้องผ่านปากมดลูกเข้าไปในโพรงมดลูก
- การผ่าตัดเนื้องอกที่มดลูกผ่านทางช่องคลอด (vaginal myomectomy) คือ การดึงเนื้องอกมดลูกออกมาทางช่องคลอด
- การผ่าตัดเนื้องอกที่มดลูกโดยใช้หุ่นยนต์ช่วยในการผ่าตัด (robotic-assisted myomectomy) เป็นการผ่าตัดโดยใช้หุ่นยนต์ช่วยในการผ่าตัด ลักษณะคล้ายกับการผ่าตัดส่องกล้องผ่านทางหน้าท้อง (การผ่าตัดก้อนเนื้องอกที่มดลูก)
คุยกับหมอที่นี่หมอว่าจะไปผ่าที่อื่นก็ได้นะ เดี๋ยวหมอเขียนใบส่งตัวให้ (หมอน่าจะเห็นใจเพราะที่นี่เป็นรพ.ไม่ใหญ่ อุปกรณ์ต่างๆ อาจจะไม่พร้อมเท่าไร) แต่หน่วยประกันที่นี่เข้าชาร์จเลยจ้า เพราะเรามีประกันกลุ่มที่น่าจะcover ค่าผ่าตัดได้อยู่ แต่ไม่เอาจ้า แค่มาตรวจร่างกายอุปกรณ์หลายอย่างยังดูโบราณ และระบบต่างๆช้าและโบราณมากยังใช้มือจดใส่เศษกระดาษแล้วน้องผู้ช่วยพยาบาลยังงงกับการวัดสัญญานชีพฉันอยู่เลยจ้า วันหลังจะไม่เห็นแก่โปรโมชั่นอย่างเดียวแล้ว ต้องเลือกโรงพยาบาลด้วย ไม่งั้นเราก็จะมีความเคลือบแคลงในผลตรวจ
หลังจากนั้น 4 วัน - ณ รพ.โรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่ง ย่านกลางกรุง ที่ฉันมีสิทธิประกันสังคมอยู่ เอาใบส่งตัวมาหาหมอ แบบไม่ได้เลือกหมอมดลูกชื่อดังเพราะขี้เกียจรอคิวตรวจ คิวผ่า อยากเอาออกไวๆ และคิดว่าเท่าที่หาข้อมูลดูคร่าวๆ ญ ไทยเป็นกันเยอะมากหมอไหนน่าจะเหมือนๆกัน และนี่ก็เป็น ณ รพ.โรงเรียนแพทย์ หมอน่าจะเก่งแหละ ไม่เรื่องเยอะ อยากใช้เงินภาษีที่ตนจ่ายไปบ้างอะไรบ้าง
สรุปต้องขึ้นขาหยั่ง ตรวจ ultrasound ใหม่อีก มีหมอ Resident 2 คน ดูอยู่ด้านหลังด้วย เขินไหม? นิดหน่อย เพราะน้องหมอ 1 ใน 2 คนนั้น เป็นเด็กหนุ่มน่าตาดี แต่คิดว่าเพื่อการศึกษาพี่ยอมเสียสละจิมิพี่ให้หมอเรียนรู้ หมอวัดเนื้องอกได้ 6 cm. และหาคิวผ่าได้ อีก 2 อาทิตย์ที่จะถึง แต่หมอจะผ่าแบบเปิดหน้าท้อง
- N: “ผ่าส่องกล้องไม่ได้เหรอคะหมอ”
- D: “ไม่ได้หรอกก้อนเนื้อเราใหญ่ ถ้าผ่าส่องกล้องมีโอกาสเสียเลือดสูง”
- N: (แอบคิดว่ารึหมอจะเห็นว่าเราใช้สิทธิประกันสังคม แล้วเห็นว่าเราจน เพราะสิทธิประกันสังคมไม่ cover ผ่าตัดส่องกล่อง) อวดรวยไปว่าหมอ “หนูไม่กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายนะคะ หนูมีประกันกลุ่มของบริษัทน่าจะ cover อยู่ค่ะ หนูไม่อยากแผลใหญ่ ต้องพักฟื้นนาน”
- D: “แผลไม่ใหญ่ แค่ 4-6 cm เท่านั้น บลาๆๆๆ” (หมอไม่ยอม)
ฉันเลยคิดว่าผ่าเปิดหน้าท้องก็ได้วะ เสร๊จก็ไปตรวจร่างกายเตรียมความพร้อมสำหรับการผ่าตัด ที่นี่พยาบาลไม่อธิบายอะไรเท่าไรว่าให้ฉันไปตรวจอะไรที่ไหน ยื่นเอกสารให้บอกลงไปชั้น 4 ไปเจาะเลือด เสร็จตอนบ่ายขึ้นมาพบหมออีกที แต่ในกระดาษมีเขียนว่าต้องไปเจาะเลือด, X-ray, ECG, พบหมอวิสัญญี และ อีกหลายอย่าง แต่นางบอกมาแค่อย่างเดียว ที่เหลือคือฉันเห็นในเอกสารที่ manual มากๆ ตอนตรวจเลือดเสร็จ เลยหาเอาเองว่าไปตรงไหน ไม่อยากจะนึกว่าถ้าเป็นอีโอผู้ซึ่งในชีวิตแทบไม่เคยป่วยมารพ. มาแล้วจะงงขนาดไหน แต่เอาเนอะ ไม่เสียตังค์เลยสักบาทจะมาเรียกร้องอะไรหนักหนา
ขึ้นมาพบหมออีกรอบ ลองขอหมอผ่าแบบส่องกล้องอีกสักรอบ หมอเลยแนะนำว่าถ้าอยากส่องกล้องให้ไปรพ.ที่มี Da Vinci เลย (การผ่าตัดเนื้องอกที่มดลูกโดยใช้หุ่นยนต์ช่วยในการผ่าตัด) เคสเป็นล้านนู้นนี้ เดี๋ยว!!! ต้องเล่นใหญ่เบอร์นั้นเลยเหรอวิ แค่ผ่ามดลูก!!!
กลับบ้านมาก็เลยกังวลหนัก หาข้อมูลเพิ่มเติม + โพสต์ขอคำแนะนำใน FB สรุปมีเพื่อนๆหลายคนที่มีประสบการณ์ และช่วยบอกข้อมูล แนะนำ ทั้งรพ. หมอ วิธีการ ประสบการณ์เพียบ ใครๆเค้าก็เป็นกัน โรคยอดฮิตของ ญ วัยเรา นิเพิ่งรู้นะเนี่ย!!! ขอขอบพระคุณผู้บอกบุญทั้งหลายทั้งหน้าไมค์หลังไมค์ ทำให้มีข้อมูลที่ทำให้ตัดสินใจได้ดีขึ้นมากๆ
สรุป ควรจะหา 2nd หรือ 3rd opinion ตอนแรกจะไปหามันอีก 3 รพ.เลย แต่พอมาคิดๆดูแล้ว เลือกอันที่น่าจะดีที่สุดทั้งได้เรื่องความเชี่ยวชาญของหมอตามวิธีที่เราอยากได้(ส่องกล้อง) ความน่าเชื่อถือของรพ. ความสะดวกสบายของเรา รวมถึงวงเงินที่จะต้องจ่ายก่อนดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสียเวลา ซึ่งต้องขอบคุณเพื่อนสาว 2 คน ทั้งมิ้มและจี้ ที่ทั้งแนะนำให้เลือก รพ.รามาฝั่งพรีเมี่ยม แนะนำตั้งแต่โหลด App เพื่อให้ได้ HN มาโดยไม่ต้องไปรพ.เลย จากนั้นโทรถามคิวแพทย์ที่ต้องการตรวจ ง่ายและสะดวกมาก รวมถึงให้ข้อมูลต่างๆ รวมถึงถามไถ่ความคืบหน้าอยู่ตลอด กราบแนบอกค่ะ
7 วันหลังจากรพ. แห่งที่ 2 - ณ รพ.รามา พรีเมี่ยม
ขึ้นขาหยั่งอีกละ 2 อาทิตย์นี้ โดนแทงด้วยของแข็งไม่อุ่นไป 3 รอบ คร่าวนี้ Ultrasound วัดได้ 8 cm. หมอบอกส่องกล้องได้สบาย ไม่มีปัญหา (นิแหละนะ เราควรจะหาข้อมูลมาก่อน หมอแต่ละคนก็มีความถนัด เก่งแต่ละทางไม่เหมือนกัน จะได้ไม่ต้องเสียเวลาและกังวลบ้าบอไปแบบเรา) ได้คิวเร็วสุดคือ อีก 2 เดือน วันนี้หมอให้ฉีดยาทำให้เนื้องอกเล็กลง เพื่อให้เวลาผ่าผ่าได้ง่ายๆ เข็มละ 5,000 บาท สรุปวันนี้เสียไป 8,000 กว่าบาทได้ รุ่งขึ้นปวดท้องเหมือนปวดท้องประจำเดือนเลยสักวัน 2 วันก็หาย แต่หลังจากนั้นรู้สึกได้เลยว่าเนื้องอกมันควบแน่นเป็นก้อนแข็งเลย ปูดออกเป็นลูกเลยตอนนอนหงาย เวลานอนคว่ำรู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งสักอย่างอยู่ในท้องไปชนกับเครื่องในอื่นๆ แล้วตอนมีประจำเดือนก็มีมัน 3 รอบเลย เหนื่อยมากช่วงนั้น เลือดจะหมดตัว ถึงว่าหมอให้ยาบำรุงเลือดมากิน
วันตรวจร่างกายก่อนผ่าตัด อยากจะบอกว่าระบบของที่รพ.รามา เนี่ยเค้าดีสุดๆเลย App นี่เป็นอะไรที่ User friendly มากกกก ก.ไก่ล้านตัว ใช้ง่าย มีแจ้งเตือน รายละเอียดครบว่าต้องไปตรวจอะไร ที่ไหน กี่โมง ตอนไปตรวจระบบก็รวดเร็ว บอกชัดเจนว่าจากจุดนี้ไปจุดนี้ต่อ แทบจะไม่ต้องรอเลยสักจุด และ ใช้กระดาษน้อยมาก ฉันประทับใจ
วันผ่า ต้องมานอนรพ.ก่อนผ่า 1 คืน เพราะคิวผ่าคือ 7 โมงเช้า โอน้ำเตรียมของกันอย่างสนุกสนาน feeling เหมือนไป Camping แต่ต้องขนเต้นท์ไป เสร็จสรรพ ได้เข้าห้องตอน 4 โมงเย็น สนุกสนานดูหนังฟังเพลงกันในห้อง ตอนแรกอีโอจะชวนไปกินก๋วยจั๊บที่เยาวราชด้วยเพราะเค้าให้เริ่มอดอาหารตอน 5 ทุ่ม ยังมีเวลา แต่ก็ไม่ได้ไป เพราะกลัวพยาบาลจะด่าเอา กินข้าวมื้อสุดท้ายไปตอนบ่าย 3 ได้ มื้อเย็นเค้าให้กินก้อไม่กิน ไม่อยากพุงป่องตอนผ่า
คืนก่อนผ่าต้องสวนอุจาระก่อนด้วย หู้ยไม่เคยทำมาก่อน ไม่เจ็บไม่ปวด แถมยังถามพยาบาลด้วยว่าวิธีการนี้คือเหมือนที่เก้งกวางเค้าทำกันก่อนปฎิบัติภาระกิจไหม พยาบาลตอบว่าใช่ แต่เค้าให้ปริมาณน้ำเกลือเยอะกว่านี้ เพราะต้องให้เกลี้ยง เข้าไปได้ไม่เจอทอง
5 ทุ่ม ลุงป้าเข้านอน ตอนแรก โอจะนอนเตียงแล้วให้เรานอนโซฟา เพราะเรากลัวว่านางนอนแล้วขายาวเกินโซฟา แต่เกรงใจเพราะพยาบาลเค้าต้องเข้าว่าวัดสัญญาณชีพตอนกลางคืนอีก เดี๋ยวผิดตัว
เช้า ตี 5.30 พยาบาลเข้ามาปลุกให้เตรียมตัว
6 โมงกว่าๆ เวรเปลมารับไปห้องผ่าตัด หู้ยตื่นเต้น (อีโอนะ ไม่ใช่กู)
ไปนอนรอในห้องเตรียมผ่า มีเจาะน้ำเกลือ วิสัญญีแพทย์มาประเมินเกรดความยากง่ายในการใส่ท่อช่วยหายใจ และแนะนำเรื่องการดมยา
เข้าห้องผ่าตัด โคมไฟใช้ของ Thumpf ของดี (อวยบริษัทตัวเอง) เตียงผ่าตัด กำลังถามพยาบาลอยู่ว่ายี่ห้ออะไรและพวกนางกำลังอ่านกันอยู่ว่ายี่ห้ออะไร ไม่ใช่ Allen แน่นอน เพราะพยาบาลบ่นว่าปรับยาก แต่สลบไปเสียก่อนที่จะรู้ยี่ห้อ
หลังผ่าตัด
ตื่นมาอีกที คือนอนอยู่ห้องสังเกตอาการ มึนๆงงๆอยู่แต่ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรมาก Pain score น่าจะสัก 2-3 เต็ม 10 สักพักเค้าก็เข็นเราขึ้นมาคืนโอตอนช่วงเที่ยงๆ สิ่งแรกที่อีโอทำคือ เอามือถือมาถ่ายคลิปกูในสภาพนี้!!! จากนั้นก็หลับไปอีก ชั่วโมงกว่าได้ ตื่นมาหิวน้ำ เค้าก้อยังไม่ให้กิน จนกว่าจะบ่าย 2 พอบ่าย2 ได้จิบน้ำแล้ว แต่เค้ายังไม่ให้กินอะไรทั้งนั้น OMG ฉัน fasting มา จะ 24 ชั่วโมงแล้ว แต่ก็แปลกที่ไม่หิว แต่มันอยากสุดๆ แต่ทำไรไม่ได้ ดีที่ตอนนี้ใส่สายสวนปัสสาวะไว้ ไม่ต้องลุกไปฉี่ นิคือสวรรค์ของคนฉี่บ่อยอย่างฉันมาก บ่ายๆอ๊อดมาเยี่ยม นางเก่งมากมาเองได้อย่างไม่หลง ไม่โทรถามใครด้วยนะ สมที่เป็นผู้เชียวชาญด้านรพ. (งานอดิเรกของอ๊อด คือหาหมอ ตามรพ.ต่างๆ)
ตกเย็นได้กินแล้ว แต่สิ่งที่เค้าให้ฉันกินคือซุปใส กับน้ำข้าว ย้ำ!!! ว่าเป็นน้ำข้าวต้ม ไม่มีแม้แต่เม็ดข้าวหลุดมาสักเม็ดเลย OMG นามิอดข้าวมาเกือบ 30 ชั่วโมงแล้ว ทำอะไรไม่ได้ น้ำข้าวแล้วก็นอนไป ซึ่งในขณะที่แบ้งเบล มาเยี่ยมพร้อมกับแพลนจะไปกินก๋วยจั๊บเยาวราชกันหลังเยี่ยม (เป็นน้องที่กวนตีนมาก รู้ว่ากูอยากกินอยู่เลยอยากทำใหกูอิจฉา ชิ!!!) และอีกวันที่พี่เอมาเยี่ยมถามว่าอยากกินอะไรไหมจะซื้อมาฝาก โถ่พยาบาลเค้าไม่ให้น้องกินอย่างอื่นนอกจากที่เค้าเตรียมให้ โถ่ๆๆ น้องอยากจิร้องไห้ คืนนั้นไม่ได้ทำอะไรมาก ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรมาก เพราะกูไม่ขยับตัวเลย เพราะพยาบาลอัดยาแก้ปวดรัวๆ แถมถามว่าจะเอามอพีนไหม เราไม่เอา แต่อีโอขอ ที่ปวดไม่ใช่ที่แผลแต่เป็นแถวไหปลาร้า เพราะเวลาทำผ่าส่องกล้องเค้าต้องเป่าลมเข้าไปในท้องก่อนเพื่อให้ทำหัตถการได้ (ตัด เลาะ เจาะ ดูด เนื้องอกออก) เสร็จก็ดูดลมออก แต่มันจะออกไม่หมด ลมมันก็เลยดันขึ้นด้านบน ตอนบ่ายไม่ปวดไหล่ เพราะนอนราบตลอด พอตอนเย็นเริ่มปรับเป็นนั่งลมเลยเคลื่อนขึ้นมาด้านบน สรุปปวดไหล่แทน พยาบาลบอกให้พยายามขยับตัว พลิกตัวบ้าง ลมได้ออก แต่นิทำไม่กลัวเจ็บแผล นอนเป็นผู้ป่วยติดเตียงเลย
เช้ารุ่งขึ้น หมอเอาVDO ตอนส่องกล้องเข้าไปมาให้ดู หู้ย หมอบอกก้อนใหญ่และหนักมากจ้า ขนาดเกิน 10 cm. และมี 2 ก้อนด้วย อุปกรณ์ที่งัดหักไปเลย แต่หมอเอาออกหมดแล้วไม่ต้องกังวล ขั้นตอนการทำหมอจะตัดเนื้องอกออกจากมดลูกก่อน แล้วใช้อุปกรณ์ตัดแล้วดูดออกมา แปะ link ของหมออินเดียให้ไปลองชม https://youtu.be/Za54bWl08BM ตอนตัดและดูดออกมาคือนาทีที่ 22.16 (หามาให้เพราะหลายคนเห็นรูปเนื้องอกที่เอาออกมาแล้วคิดว่าหมอตัดอาไส้อีน้ำออกมาทำไม ตัดผิดรึเปล่า ก้อนขาวๆ ซ้ายขวา 2 ก้อน มันเนื้องอกเฟ้ย ตรวจกลางคือ มดลูก เนื้องอกใหญ่กว่ามดลูกกูอีก (อยู่มาได้ยังไงนิ) หมอตรวจเช็คแผลเสร็จ ซักถามอาการกันเรียบร้อย หันมาถามญาติ
หมอถาม “ญาติมีอะไรจะถามหมอไหมคะ” อีโอถาม “พรุ่งนี้ออกจากรพ. พาเค้าไปกิน Momo ได้ไหมครับ” หมอมองบน บอก “อยากกินก็กิน” เห้อ... โอ
ออกจาก รพ. อีโอ รีบเอา น้ำมาส่งที่บ้านเลย แปะมือให้อ๊อดดูแลต่อ โอบอกไม่ไหวแล้วอยากอยู่คนเดียว อ๊อดดูแลเราอย่างดี นู้นนี่ไม่ให้กิน เนื้อกินไม่ได้ ย่อยยาก น้ำเย็นกินไม่ได้ ร่างกายทำงานหนัก ขับรถไม่ได้ แต่ที่งงสุดคือ ห้ามกินข้าวเหนียว (ถามว่าทำไมตอบไม่ได้ เถียงข้างๆคูลๆว่าของแสลง งงเลยกู)
ตอนนี้ลาป่วยอยู่บ้าน 2 อาทิตย์ อาการดีขึ้นแล้ว แต่แม่อ๊อดยังห้ามทุกสิ่งอยู่เหมือนเดิม แต่สนุกและมีความสุขมากได้อยู่กะอ๊อด ทำงานเท่าที่อยากทำ เพราะกูลาป่วยอยู่!!! จะให้ทำอะไรนักหนา
สุดท้ายนี้ต้องขอบพระคุณโอกะอ๊อด ผู้ดูแลหลักทั้ง 2 คน ดูแลดีมากถึงมากที่สุด และขอบคุณทุกๆคนที่เป็นห่วงแวะมาเยี่ยมทั้ง online และ on-site สอบถามอาการตลอดๆ ขอบคุณจ้า
ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด
สิริรวมค่าใช้จ่ายคือ 2 แสนกว่าได้ แต่ประกัน Cover เกือบหมด จ่ายส่วนเกินประมาณ 16,000 บาท โชคยังดีที่มีประกันกลุ่มของบริษัท ที่วงเงินค่อนข้างเยอะ ปกติจะไม่ได้เยอะเท่านี้ อาจจะด้วยในไทยมีพนักงานอยู่แค่ 3 คน และคนที่ดีลตอนเปิดบริษัทในไทยคงทำการบ้านมาดี แต่เสียดายมากที่ต้นปีแพลนจะทำประกันสุขภาพเพิ่มเติม เพราะรู้ว่าค่ารักษาพยาบาลตอนนี้แพงมากถ้าเราอยากได้บริการที่ดี ไม่ต้องเสียเวลาไปรอหาหมอทั้งวัน พร้อมทั้งถ้าป่วยหนัก ก็มีทางเลือกในการรักษาได้อย่างไม่ต้องมากังวลเรื่องเงิน แล้วถ้าเกิดไรขึ้นรุนแรงก็ไม่ต้องเอาเงินเก็บออกมาใช้(เผลอๆอาจจะไม่พอได้ถ้าเป็นโรคร้ายแรง) ถือว่าประกันความเสี่ยง แต่ก็ดันคิดเอาเองว่าตัวเองเป็นคนที่แข็งแรงออกกำลังกายประจำสม่ำเสมอ ไม่อ้วน ไม่สูบบุหรี่ แอลกอฮอลกินบ้างตามโอกาสแต่ไม่หนัก เลยเอาไว้ก่อน ขอเป็นปีหน้าละกัน แล้วก็แบบเสียดายมาก เพราะตอนที่ไปหาหมอตามสิทธิประกันสังคมแล้วหมอจะผ่าแบบเปิดหน้าท้องแล้วเราไม่อยากนิ กังวลมาก หาที่อื่นแล้วก็ต้องมานั่งกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายอีก รู้งี้น่าจะทำประกันสุขภาพไว้เพิ่มไปก้อไม่ต้องมานั่งเครียดละ จะผ่าที่ไหนก็ได้ แต่นิกว่าจะหา รพ.ที่เข้าเกณฑ์ตามความเพิ่งพอใจของตัวเองได้นิเหนื่อยเหมือนกันนะ โชคยังดีที่ทำงานอยู่ในวงการแพทย์ (ขายเครื่องมือแพทย์) และมีกัลยาณมิตรอยู่ค่อนข้างมาก ไม่อยากจะคิดว่าถ้าเป็นคนอื่นเค้าจะทำไง หรือเป็นโรคที่หนักกว่านี้จะเป็นไง รู้อะไรไม่เท่ารู้งี้
ช่วงโฆษณา (ใครมันจะอ่านมาถึงตอนนี้วะ)
จากประสบการณ์นี้เลยสนใจวงการประกันมากๆ มากจนถึงกับสมัครเป็นตัวแทนขายประกันเองเลยจ้า เพราะเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ทั้งกับตัวเองและคนรอบตัวด้วย ไหนๆจะซื้อแล้วศึกษาเองเลยดีกว่า จะได้หาศึกษาเผื่อคนอื่นด้วย ได้เลือกอันที่เหมาะสมกับความต้องการของเราและแต่ละคนได้ เพื่อให้ได้รับการคุ้มครองที่สูงสุด และเชื่อว่าถ้าเรื่องเคลมนิกูต้องยื่นนึงในการเรียกร้องสิทธิเพื่อตัวเองแลคนรอบตัวแน่นอน(เป็นพวกเรียกร้องสิทธิ) แล้วจะเอาของ บริษัทไหน ดีละ มาลงที่ เมืองไทยประกันชีวิต เพราะเป็นลูกค้าเค้าอยู่แล้วมาหลายปี จริงมีของบ.อื่นด้วย แต่ความรู้สึกส่วนตัวว่า บ.นี้ เหมาะกับ Life style ของเรา เพราะเรามันคนชอบทำกิจกรรมเยอะแยะไปหมด ไม่ว่าจะเป็น “ไปเรียนแต่งหน้า นั่งสมาธิ ดำน้ำ ปลูกปะการัง ทำอาหาร นวดสปา ปลูกป่า ดำนา ดูดิสนีย์ออนไอซ์ แรลลี่ตีกอล์ฟ ล่องเรือ ส่องสัตว์ ช๊อปปิ้ง ดูงิ้ว ดูละครเวที ดูคอนเสิร์ต ดินเนอร์ ทำขนม จัดดอกไม้ เที่ยวตลาดน้ำ เรียนถ่ายรูป ดูกายกรรม ชมเมืองเก่า เข้าสัมมนา ทัวร์ธรรมมะ เรียนเต้นแล้วก็ร้องเพลง.. ไปก่อนนะ” และก็เป็นบริษัทของคนไทยด้วย (รักชาติเฉย) มาถึงตรงนี้ใครคิดว่าประกันสำคัญก็ติดต่อมา ตอนนี้พยายามจะศึกษาให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง หรืออยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการตัดสินใจก็คุยกันได้จ้า
จบ… เขียนนานมาก เพราะตอนแรกเขียนลง FB แล้ว ตอนจบกำลังจะโพสต์มันอยู่ๆก็หาย โดยไม่บอกกล่าว อีบ้า นิต้องนั่งเขียนใหม่ แต่อยากบันทึกไว้ในความทรงจำประสบการณ์ผ่าตัดเอาอวัยวะออกนอกร่างครั้งหนึ่งในชีวิต